Author

admin

Browsing

เครื่องสำอางเกาหลี มาสค์หน้า เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี รองเท้า กระเป๋า สารพัดรายการช็อปปิ้งที่เตรียมไปเที่ยวเกาหลี ที่สำคัญเราจะขนทั้งหมดนั้นกลับมาได้ยังไง

การเดินทางไปเกาหลีนั้น คงหนีไม่พ้นต้องไปช็อปปิ้ง การเตรียมกระเป๋าเดินทางขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้เราพร้อมรับมือกับสัมภาระที่จะงอกเงยตอนขากลับได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อกระเป๋าใบใหม่ให้วุ่นวาย

กระเป๋าเดินทางนั้นคือการลงทุนไม่ใช่การสิ้นเปลื้อง ที่สำคัญกระเป๋าแพงใช่ว่าจะดีเสมอไป เราควรจะเลือกกระเป๋าคุณภาพดีที่เหมาะกับการเดินทางและสไตล์การเที่ยวของเรามากกว่า

กระเป๋าเดินทางทั่วไปมีกี่ไซส์

ไซส์เล็ก 18″ –  22″

ไซส์กลาง 24″ – 26”

ไซส์ใหญ่ 28″ – 30″

กระเป๋าไซส์ไหนเหมาะกับการไปช็อปปิ้งที่เกาหลี

ปกติแล้วทัวร์ไปเที่ยวเกาหลีจะไม่เกิน 5 – 7 วัน โดยประมาณ กระเป๋าเดินทางที่เหมาะสมสำหรับรองรับการช็อปปิ้งคือ ขนาด ช็อปน้อย 24” ช็อปมากหน่อย 26” และไซส์  28” สำหรับช็อปแหลกและสำหรับหน้าหนาว เพราะต้องเผื่อที่ไว้สำหรับอุปกรณ์กันหนาวด้วย และไม่ควรมีกระเป๋าหลายใบเพราะจะยุ่งยากสำหรับการขนย้าย 

ควรเลือกกระเป๋าที่มีซิบขยายจะช่วยลดความเครียดเวลาแพ็คของช็อปปิ้งได้เยอะเลย

ช้อปกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวเกาหลี ที่ kingpower ลด 20% ทุกแบรนด์ ได้ที่นี่

กระเป๋าเดินทางไซส์อื่นๆ จะเหมาะกับระยะเวลาการเดินทางดังนี้

1-2 วัน  ใช้กระป๋าไซส์ 18” – 19” ก็พอ

3-4 วัน สำหรับคนไม่ช็อป ใช้ขนาด 22” ก็พอ แต่สำหรับสาวๆ ที่เตรียมมาช็อปปิ้ง ใช้ขนาด 24” – 26” ไปเลย

5 – 7 วัน ใช้ไซส์ 26” – 28″ กำลังสวย

เกินกว่านั้น หรือจัดกระเป๋าเผื่อสมาฃิกอื่นๆ ในครอบครัว อาจใช้ 26” สองใบ

กระเป๋าไซส์ใหญ่ 28” -30” นั้นเหมาะสำหรับเดินทางไกลหลายอาทิตย์ หรือไปในประเทศที่อากาศหนาวและต้องเผื่อที่สำหรับเสื้อกันหนาวหนาๆ แต่ไม่แนะนำสำหรับไปท่องเที่ยว เพราะจะหนักมาก

2 ล้อ หรือ 4 ล้อหมุนได้รอบตัว แบบไหนดีกว่ากัน

กระเป๋าเดินทางแบบ 4 ล้อ หมุนได้รอบตัวย่อมดีกว่า 2 ล้อแบบลาก เพราะจะช่วยผ่อนแรงได้มากกว่า แต่หากต้องเลือกแบบ 2 ล้อ ควรเลือกที่ล้อใหญ่แข็งแรงและหูยืดหดแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักได้ทน เวลาลากจะได้ไม่เอียงไปมา

ล้อที่ดีที่สุดควรเป็นล้อยางทั้งลูกจะได้ไม่กระเทาะแตกตามสภาพอากาศ ยิ่งชนิดที่มีตลับลูกปืนยิ่งดีใหญ่ ตัวล้อควรฝั่งอยู่ภายในกระเป๋า โดยเฉพาะกระเป๋นไซส์กลางและใหญ่ที่ต้องโหลดใต้ท้องเครื่องเพื่อป้องกันล้อเสื่อมหรือชำรุด

แต่ก่อนจะเลือกว่าต้องการล้อแบบไหน ควรดูว่าสถานที่ที่เราจะไปนั้นเหมาะสำหรับใช้ล้อแบบไหนมากกว่ากัน ตัวอย่างเช่น พื้นถนนเรียบ กว้างขวาง ขึ้นลงสถานีรถไฟสามารถใช้บริการลิฟท์และบันไดเลื่อนก็จะเหมาะกับการใช้ 4 ล้อ มากกว่า แต่หากต้องไปในประเทศที่พื้นถนนขรุขระหรือเป็นถนนแบบอิฐโบราณเช่นในยุโรป หรือเมืองเก่าต่างๆ ใช้สองล้อลากเอาจะสะดวกมากกว่า

Hard Shell หรือ Soft Shell กระเป๋าแข็งหรือกระเป๋าผ้าดีกว่ากัน

Soft Shell กระเป๋าผ้ามักผลิตจากโพลีเอสเตอร์ผสมไนล่อน ให้ความยืดหยุ่นได้เยอะกว่าโดยเฉพาะเวลายัดของพูนๆ จะเหมาะสมมาก แต่ก็ต้องระวังเรื่องของที่อาจแตกได้ง่าย หรือเดินทางไปในที่ที่ฝนตก หิมะตก อากาศเปียกชื้น ตัวผ้าจะซับน้ำและโดนฝุ่นทำให้สกปรกและอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ต้องหมั่นเอาออกมาเช็ดทำความสะอาดและตากแดดทุกครั้งหลังเดินทาง ข้อดีของกระเป๋าผ้าอีกอย่างคือ ตัวซิปมักจะอยู่ขอบกระเป๋าทำให้เวลาจัดของสามารถวางได้ง่ายดายและสะดวกกว่ากระเป๋าแบบแข็งที่ตัวซิปอยู่ตรงกลางผ่าครึ่งกระเป๋า

Hard Shell  เราอาจมีความเข้าใจผิดๆ ว่ากระเป๋าแข็งนั้นมักจะแตกได้ง่ายและหนักกว่ากระเป๋าผ้า หากปัจจุบันนี้บริษัทผลิตกระเป๋าเดินทางนิยมใช้ Polycarbonate ABS ที่เป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ผลิตคอนแทคเลนส์ ขึ้นชื่อเรื่องความคงทนและความยืดหยุ่น ทนต่อการขีดข่วนและแรงกระแทก แถมยังบางเบากว่าพลาสติกธรรมดาและกระเป๋าเดินทางแบบอลูมิเนียม และบางครั้งก็เบากว่ากระเป๋าผ้าด้วยซ้ำไป แน่นอนว่าราคากระเป๋า Hard Shell แบบนี้ย่อมสูงกว่ากระเป๋าเดินทางแบบอื่น เพราะถือว่าเป็นกระเป๋าเดินทางที่สมบุสมบันที่สุด

กระเป๋าแบบแข็งเหมาะกับนักเดินทางที่ใส่ของมีค่าที่อาจแตกหักเสียหายได้ เช่นกล้องถ่ายรูป หรือคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และเหมาะกับการเดินทางในทุกสภาพอากาศ เพราะไม่ดูดซับน้ำและความชื้น สามารถปกป้องเสื้อผ้าด้านในได้ดี อีกทั้งยังเช็ดถูทำความสะอาดโครงสร้างด้านนอกได้ง่ายกว่ากระเป๋าเดินทางแบบผ้า ควรเลือกแบบระบบซิปจะยืดหยุ่นได้ดีกว่าและบางรุ่นสามารถขยายขนาดได้เมื่อจำเป็น และในกรณีที่ล็อคเสียยังสามารถใช้กุญแจคล้องทดแทนได้

กระเป๋าสำหรับขึ้นเครื่อง Cabin luggage

สายการบินจะอนุญาตให้ผู้โดยสารทำกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กติดตัวได้ 1 ใบ ด้วยขนาดที่ไม่เกิน 22” (ไม่รวมกระเป๋าถือสำหรับสุภาพสตรี) ดูตัวอย่างกระเป๋า โดยน้ำหนักจะต้องต้องไม่เกิน 10 กิโลกรัม บางสายการบินอนุญาติให้แค่ 7 กิโลกรัมเท่านั้น และบางสายการบินจะนับรวมน้ำหนักของกระเป๋าถือสุภาพสตรีและน้ำหนักกระเป๋าเดินทางที่จะเอาขึ้นเครื่อง แนะนำให้เช็คข้อจำกัดของสายการบินที่จะใช้เดินทางก่อนจัดกระเป๋า

แนะนำเป็นพิเศษ: ตอนนี้ Online Shop ของ King Power กำลังมีโปรโมชั่นลดราคา 20% สำหรับกระเป๋าเดินทางทุกรุ่นทุกไซส์ อย่าลืมใส่โปรโมชั่นโค้ด LUGGAGE20 แล้วเลือกช็อปกระเป๋าที่ถูกใจได้เลย

ช้อปกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวเกาหลี ที่ kingpower ลด 20% ทุกแบรนด์ ได้ที่นี่

หาตั๋วเครื่องบินราคาถููก ที่นี่

ชอบกด Like ใช่กด Share ^-^

มาเที่ยวเกาหลีทั้งที่ คงอดไม่ได้ที่จะซื้อเสื้อผ้า และรองเท้าเก๋ๆ สักหลายๆ คู่กลับบ้าน และที่ฮอตฮิตในบ้านเราคงหนีไม่พ้นเจ้ารองเท้าผ้าใบ New Balance

ช็อปของนิวบาลานซ์ในกรุงโซลมีอยู่ที่มยองดง หรือ เมียงดง อยู่ในถนนหลัก Chungmu Ro 1 เส้นเดียวกับยูนิโคล่ เดินเรื่อยพอให้เพลินๆ เพราะร้านค้าจะเยอะมาก

แต่หากหาไม่เจอที่ถูกใจ หรือราคาแพงไปเพราะส่วนใหญ่จะเป็นรุ่น Made in USA ลองไปหาที่ ABC Mart จะมีรุ่นที่ราคาย่อมเยาว์ลงมา พวก Made in China, Made in Vietnam

ABC Mart เป็นร้านรองเท้าที่ใหญ่ที่สุด ที่มีสาขามากมาย มีรองเท้าเป็นพันคู่จากหลากหลายยี่ห้อให้เลือก พวกแบรนด์ต่างๆ เช่น New Balance, Crocs, Converse, Diesel, Puma, Havaianas, Vans, Adida, Nike, Reebok, FILA, Treksta, Red Wing, Hush Puppies แนะนำให้ไปสาขาแถว มยองดง เพราะหาง่าย เห็นเด่นชัด มีอยู่ 2 สาขา ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน ราคาประมาณ 89,000 – 119,000 วอน จะถูกกว่าบ้านเราประมาณ 10-20%

เราจะพบเจอเจ้าร้าน ABC Mart มากมาย

ABC Mart is having a sale!

แผนที่ร้านค้าต่างๆ ใน มยองดง (myeong-dong)

myeondong-map

การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 4 ลงที่สถานี Myeong-dong ทางออกที่ 6

เวลาทำการ
11:00 – 22:00

 

นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองแล้วอยากสัมผัสบรรยากาศเกาหลีแบบดั้งเดิม ต้องลองเข้าพักที่ Rakkojae: Boutique Hanok Hotel

rakkojae1

Rakkojae4

Rakkojae: Boutique Hanok Hotel เป็นโรงแรมสไตล์ฮันอกซึ่งก็คือบ้านโบราณดั้งเดิมของเกาหลี ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านบุกชนฮันอก (Bukchon Hanok Village) ที่อยู่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของกรุงโซลที่ชื่อว่า “Rakkojae” ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 130 ปี

Rakkojae มีความหมายว่า “เพลิดเพลินไปกับศิลปะของนักศึกษาในวันวาน” เป็นสถานที่ที่ตั้งขึ้นโดยสถาบันการศึกษาเพื่อจะใช้ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วรรณกรรมของเกาหลี

ในส่วนของตัวโรงแรม ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครโทรทัศน์ชื่อดังของเกาหลีหลายเรื่อง เช่น “My Lovely Sam Soon” หรือชื่อไทยว่า “ฉันนี่แหละ คิมซัมซุน”

Rakkojae3

ตัวโรงแรมจะเป็นบ้านไม้แบบโบราณ ตกแต่งสวยงามในบริเวณกว้าวขวางและร่มรื่นด้วยต้นไม้และสวนสไตล์เกาหลี แถมยังมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน มีบริการชาพื้นเมือง อาหารค่ำ และอาหารเช้าเป็นแบบอาหารชุดแบบเกาหลีดั้งเดิม นักท่องเที่ยวที่ไปพักยังสามารถลองสวมชุดฮันบก (Hanbok) ซึ่งเป็นชุดของกษัตริย์และราชินีในรัชสมัยราชวงศ์โชซอนได้ฟรีอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีห้องซาวน่าโคลนธรรมชาติ (Natural Mud Sauna) ไว้บริการแขกที่มาพักอีกด้วย บริการเสริมสุดเก๋อีกอย่างคือ การเรียนทำกิมจิ โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกคนละ 40,000 วอน

Rakkojae2

ที่อยู่: 218 Gahoe-dong, Jongno-gu, Seoul

RakkojaeMap

 

วิธีเดินทาง: MRT สาย 3 มาลงที่สถานี Anguk ใช้ทางออก 2 เดินตรงไป 300 เมตร จนถึง 4 แยกโรงเรียน Jaedong Elementary เดินตรงไปจนถึงซอยที่หัวมุมมี Jaedong Academy ให้เลี้ยวชวาเข้าทางเข้าที่มีต้นไผ่เยอะๆ

 

ติดต่อจองที่พัก ที่อีเมล์: woody@rkj.co.kr ใส่ชื่อหัวข้อว่า “RakKoJae Seoul reservation request”

อัตราค่าบริการที่พักต่อคืน

RakkojaeRate

รายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ สามารถหาได้ที่ Website: www.rkj.co.kr

 

 

Everland7
เที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง
นั้นไม่ยากอย่างที่คิด นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวกสบายทั้งในกรุงโซลและนอกเมือง แม้กระทั้งการไปเยือนสวนสนุกระดับโลกอย่าง “เอเวอร์แลนด์” (Everland) ก็สามารถไปได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

Everland9

Everland2

เอเวอร์แลดน์ (Everland) ถือว่าเป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี ตั้งอยู่ที่เมืองยงอิน (Yongin) โดยมีบริษัทซัมซุงเป็นเจ้าของ เอเวอร์แลนด์นั้นถือว่าเป็นเหมือน “ดิสนีย์แลนด์เกาหลี” เลยก็ว่าได้ แถมถูกนิตยสาร Forbes จัดอันดับให้เป็น 1 ใน 4 สวนสนุกยอดนิยมของโลก ในที่ ค.ศ. 2005 โดยแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนสวนสนุกแห่งนี้กว่า 9 ล้านคน

ที่ตั้งของสวนสนุกเอเวอร์แลนด์นั้นเหมือนสวนสนุกในฝันจริงๆ เพราะอยู่ท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติ สวยเหมือนในเทพนิยาย ด้านในถูกแบ่งออกเป็น 5 โซนใหญ่ๆ ให้เลือนเล่นกันได้ตามใจชอบ ทั้ง เครื่องเล่นหวาดเสียวเช่น รถไฟเหาะไม้ที่สูงที่สุดในโลก สวนดอกไม้ที่มีดอกไม้นานาชาติสลับสับเปลี่ยนมาออกดอกให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งเอเวอร์แลนด์ยังมีสวนสัตว์ซาฟารีอีกด้วย และสัตว์ที่เป็นดาราดังของที่นี้คือเจ้าตัว Liger (ไลเกอร์) หรือลูกแฝดผสมระหว่างสิงโตเพศผู้และเสือเพศเมีย ที่ถือว่าเป็นลูกแฝดไลเกอร์คู่แรกในโลกที่ต้องมาดูที่เอเวอร์แลนด์ที่เดียวเท่านั้น นอกจากนี้อีกหนึ่งสัตว์ที่นักท่องเที่ยวพากันชื่นชอบในความน่ารักคือ เจ้าหมีที่สามารถฟังคำสั่งและสื่อสารกับคนขับรถได้อย่างน่าทึ่ง

Everland5

Everland6

โซนต่างๆ มีดังนี้

  • Global Fair – โซนนี้จะตกแต่งด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานทั้งเก่าแก่อย่างเมโสโปเตเมีย เรอเนสซองส์ ไปจนถึงแบบโมเดิร์น โซนนี้จะเหมาะกับเด็กๆ และครอบครัว
  • American Adventure – โซนนี้จะจำลองประเทศสหรัฐอเมริกาย้อนกลับไปตั้งแต่ 500 ปีก่อน สมัยโคลัมบัสค้นพบประเทศอเมริกาใหม่ๆ เรื่อยมาจนกระทั้งยุคเฟื่องฟูของดนตรีร็อคแอนด์โรส ของ เอลวิส เพรสลีย์ ทั้งโซนจะมีดนตรีประกอบเป็นจังหวะสนุกสนานเร้าใจเหมาะกับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่ชอบเครื่องเล่นผาดโผน
  • Zootopia – โซนซาฟารีและสวรรค์ของคนรักสัตว์ โซนนี้จะมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ มาสนุกสนานกับสัตว์และเครื่องเล่น รวมทั้งยังมีรถชมสวนสัตว์ที่พานักท่องเที่ยวใกล้ชิดกับสัตว์ต่างๆ  และที่เพิ่งเปิดล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2013  ที่ผ่านมา คือส่วน “Lost Valley” ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมสัตว์ต่างๆ ด้วยพาหนะสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ที่วิ่งบนดินก็ได้ลงน้ำกลายเป็นเรือก็ได้ นับว่าเป็นซาฟารีสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกแห่งแรกของโลกที่มีสัตว์ต่างๆ กว่า 20 ชนิด มากถึง 100 กว่าตัวมาให้ชม
    Everland1
  • Magic Land – ดินแดนที่แต่งตามคอนเซ็ปนิทานอีสปชื่อดังที่สอดแทรกศีลธรรมและคติสอนใจให้กับเด็กๆ ผ่านตัวละครที่เป็นสัตว์น่ารักมากมาย โซนนี้มีเครื่องเล่นเหมาะกับเด็กๆ และครอบครัว
  • European Adventure – ใครชอบความตื่นเต้น โซนนี้คือที่ที่คุณรอคอย ท่ามกลางการตกแต่งอย่างสวยงามให้เหมือนหมู่บ้านทางแถบยุโรป โซนนี้มีไฮไลท์เป็นเจ้ารถไฟเหาะ T Express ที่เป็นรถไฟเหาะไม้ที่สูงที่สุดในโลกและมีความชันถึง 77 องศา วิ่งด้วยความเร็ว 104 กม. / ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ ที่เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงสวนดอกไม้ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ทั้ง สวนกุหลาบ หรือ สวนสี่ฤดู
    Everland8
    Everland4
    Everland10
    Everland3

ใครที่อยู่เล่นจนเย็น ตอนกลางคืนจะมี Moonlight Parade และ Dream of Laciun ซึ่งเป็นการแสดงแสงสี และเสียงประกอบดนตรี สวยงามตระการตามาก

Everland11

ที่อยู่: 310 Jeongdae-ri, Pogok-eup, Cheoin-gu, Yongin-si, Gyeonggi-do, Korea

วิธีเดินทางจากกรุงโซลด้วยตัวเอง:
MRT – Direct Express City Bus

  • ขึ้น MRT สาย 2 (SinBundang) มาลงที่สถานี Gangnam ทางออก 5, 6 หรือ 10 แล้วขึ้นรถบัสสาย 5002 หน้าร้าน Krispy Kreme

Everland bus_03

  • ขึ้น MRT สาย 2 หรือ สาย 6 มาลงที่สถานี Jamsil แล้วขึ้นรถบัสสาย 5700

Express Bus

Schedule 1: จาก Seoul City Hall
ขาไป จากโซล ไป เอเวอร์แลนด์
09.30น. จากสถานีรถไฟฟ้า Seoul City Hall (สถานี City Hall, รถไฟฟ้าสาย 1 หรือ 2) ทางออก 5

09.40น. จากสถานีรถไฟฟ้า Dongdaemun (หน้าสถานี Dondaemun History & Culture Park) รถไฟฟ้าสาย 2, 4 หรือ 5 ทางออก 11

ขากลับ จากเอเวอร์แลนด์ ไปโซล

18.00น. ออกจาก Everland Resort

19.10น. สิ้นสุดที่ City Hall
Schedule 2 จาก Samseong Station

09:30น. จากสถานี Samseong, ทางออก 5 (MRT สาย 2)
10:00น. จากสถานี Gangnam, ทางออก 5 (MRT สาย 2 -Bundang)
18:00น. ออกจาก Everland Resort

ค่าบริการรถบัสไปกลับ: 12,000 วอน
หมายเหตุ: สำรองที่นั่งล่วงหน้าที่ Daeseong Tour (โทร: +82 031 919 1244) เวลา 09.00 – 18.30น.  มีบริการภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น


รถไฟฟ้าสาย Ever-Line
นั่งรถบัสเบอร์ 66 จากสถานี Suwon Station มาลงที่เมือง Yongin แล้วต่อรถไฟฟ้าสาย Ever-Line มาถึงสวนสนุก Everland
Everline_Train

เวลาเปิด-ปิดของสวนสนุก:

วันจันทร์ – วันศุกร์ 10.00 – 22.00น.

วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ 09.30 – 22.00น.

ราคาตั๋ว

ประเภทตั๋ว/ ราคา ผู้ใหญ่ วัยรุ่น (13-18ปี) เด็ก (3-12 ปี), ผู้สูงอายุ
One-day Ticket 40,000 won 37,000 won 31,000 won
Night Ticket (เริ่ม 17.00น.) 33,000 won 28,000 won 25,000 won
Two-day Ticket 64,000 won 55,000 won 50,000 won

***คลิกที่ลิงค์เพื่อพิมพ์คูปองส่วนลดค่าเข้าชมได้ ซึ่งสามารถใช้ลดตั๋วได้ถึง 4 ใบ คลิกที่นี่เพื่อไปหน้าเวปไซด์ของสวนสนุกสำหรับพิมพ์คูปอง

หมายเหตุ: คูปองจะหน้าตาแบบนี้ แต่ให้คลิกไปที่ลิงค์ของสวนสนุกเพื่อพิมพ์ และแสดงพาสปอร์ตพร้อมคูปองก่อนชำระเงิน  คลิกที่นี่เพื่อไปหน้าเวปไซด์ของสวนสนุกสำหรับพิมพ์คูปอง

Everland Discount_Coupon
เวปไซด์:
www.everland.com/english

 

Tips:

  • พยายามหลีกเลี่ยงการมาเที่ยว Everland ในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือช่วงวันหยุดยาวของเกาหลีเพราะคนจะเยอะมาก รถบัสจากกรุงโซลจะแน่นจนไม่มีที่นั่ง และเครื่องเล่นต่างๆ จะต้องรอคิวนาน
  • ควรจะมาแต่เช้าจะได้ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วและต่อคิวเครื่องเล่นนาน

ใกล้ตุลาคมของทุกปี นักท่องเที่ยวที่วางแผนจะมาเที่ยวเกาหลีต้องไม่พลาดข้ามไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เกาะนามิ เพราะระหว่างปลายตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายนนับว่าเป็นไฮไลท์ของเกาะแห่งนี้ที่ใครไปเยือนจะได้รูปถ่ายที่สวยงามมาก
nami12

nami1

เกาะนามิ (Namiseom) เป็นเกาะขนาดเล็กมีพื้นที่แค่ 460,000 ตารางเมตร ตัวเกาะเป็นรูปเหมือนใบไม้ลอยน้ำ ตั้งอยู่กลางทะเลสาบชองเพียง (Cheongpyeong Lake) ห่างจากกรุงโซลไป 63 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง

เกาะแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบ ไม่มีภูเขาเลยสักลูก ชื่อ “นามิ” ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายพลนามิ ผู้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่จากการต่อสู้กับกองกำลังกบฏในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศด้วยวัยเพียง 26 ปี การปราบปรามครั้งนั้นเกิดขึ้นในปีที่ 13 ของกษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์โชซอน
nami10

เกาะนามินั้นเรียกตัวเองอย่างเก๋ไก๋ว่า Naminara Republic และเรียกตั๋วเรือข้ามฟากและตั๋วเข้าชมเกาะว่า Visa ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเสมือนข้ามมาเที่ยวรัฐๆ หนึ่งที่เป็นเอกเทศออกมาจากเกาหลี
nami3

บนเกาะจะมีบรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วย ต้นสน ต้นเกาลัด ต้นแปะก๊วย ต้นซากุระ ต้นเมเปิ้ล และต้นไม้ดอกไม้อื่นๆ ที่พลัดกันออกดอกเปลี่ยนสีให้ชมกันทุกฤดูกาล ทั้งเกาะไม่มีเสาไปหรือสายไฟให้เห็นเลยซักต้นเพราะมันถูกฝั่งลงใต้ดินทั้งหมดเพื่อให้ไม่บดบังทัศนียภาพ

เกาะนามิกลายเป็นที่เที่ยวยอดฮิตของทั้งชาวเกาหลี ชาวต่างชาติ และชาวไทย หลังจากความโด่งดังของซีรีย์ Winter Love Song หรือ Winter Sonata หรือชื่อไทยว่า “เพลงรักในสายลมหนาว” ที่ใช้โลเกชั่นของเกาะนามิถ่ายทำ ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาถ่ายรูป ณ จุดที่ใช้ถ่ายทำละคะเรื่องนี้แทบทุกวัน

 

nami7

nami8
นอกจากสีสันของใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว จุดถ่ายรูปหลักที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดคือ ทิวสนที่เรียงตัวสวยงามทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา และจุดมหาชนที่ทุกคนต้องไปถ่ายรูปคือรูปปั่นโลหะขนาดเท่าคนจริงของ เบยองจุน และ  แชงจีอู พระนางจากซีรีย์เพลงรักในสายลมหนาว และจุดที่มีสัญลักษณ์ซีรีย์ชุดนี้อยู่นั้นเอง

nami5

nami2

นอกจากนี้บนเกาะยังมีบริการจักรยานให้เช่า ร้านกาแฟ แกลเลอรี่ ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และพิพิธภัรฑ์อีกด้วย

คำเตือน: ให้หลีกเลี่ยงการมาเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ เพราะคนจะแน่นมาก รถไฟไม่มีที่นั่ง แท็กซี่ขาดแคลนและคิวยาวมาก และค่าแท็กซี่จะราคาแพงกว่าปกติ

คำแนะนำ: หลังจากเที่ยวเกาะนามิเสร็จแล้ว นักท่องเที่ยวอาจจะขึ้นแท็กซี่ต่อจากที่ท่าเรือไปเที่ยว หมู่บ้านเจ้าชายน้อย (Petite France) ต่อได้ ค่าแท็กซี่ประมาณ 18,000 วอน ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 30 นาที

วิธีเดินทาง: จากในกรุงโซล ขึ้น MRT สาย 7 ( สาย Jungang) มาที่สถานี Sangbong แล้วเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟสาย Gyeongchun มาลงที่สถานี Gapyeong จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ไปยังท่าเรือเกาะนามิ (ค่าแท็กซี่ประมาณ 2,700 – 3,200 วอน แล้วแต่สภาพจราจร) หรือนั่งรถบัส คนละ 1,100 วอนก็ได้ แต่ต้องรอนานหน่อย แล้วต่อเรือข้ามฟากไปยังเกาะ

เรือข้ามฟาก: เรือข้ามฟากให้บริการทุกวัน เรือเที่ยวแรกออกเวลา 07.30น. เรือเที่ยวสุดท้าย ออกจากเกาะนามิเวลา 21.45น. จะมีเรือออกทุกๆ 30 นาที
nami6

ค่าบริการเข้าชมเกาะรวมค่าเรือข้ามฟากไป-กลับ: 8,000 วอน

เวปไซด์: www.namisum.com

Myeong-dong2
เมียงดง หรือ มยองดง เป็นแหล่งช็อปปิ้งแฟชั่นและเครื่องสำอางในฝันของนักท่องเที่ยวไทยที่พากันมาช็อปและซื้อของฝากจากเกาหลีก่อนกลับบ้านกันทุกคน นอกจากเครื่องสำอางเกาหลียอดฮิตทั้งหลาย แฟชั่นที่นี่ถือว่าโด่งดังไม่แพ้กัน
Teenie_Weenie_store_Myeong-dong

ร้านเสื้อผ้าและรองเท้าเด่นๆ ในเมียงดง ที่เป็นแบรนด์เกาหลีหาซื้อในเมืองไทยไม่ได้ ก็มี เช่น  Teenie Weenie, Bean Pole, Kosney, SPAO และอื่นๆ

myeongdong-1
ส่วนแบรนด์ต่างประเทศที่เราคุ้นเคย เช่น Uniqlo, Zara, H&M, Forever 21, Gap, Mango ก็มีให้ช็อปเหมือนกัน

ร้านรองเท้ายี่ห้อเกาหลีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่น ABC Mart  ที่ขายรองเท้าใส่เล่นเก๋ๆ ก็มีที่เมียงดงแห่งนี้ รวมถึงแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ เช่น Adidad, Nike, New Balance, Crocs ฯลฯ

seoul myeongdong map

เวลาเปิดปิดของร้านค้าต่างๆ:  10.30 – 22.00 น. ทุกวัน

วิธีเดินทาง: MRT สาย 4 (สายสีฟ้า) มาที่สถานี Myeongdong exit 6

แผนที่บอกพิกัดร้านค้าต่างๆ อย่างละเอียด
myeondong-map

 

ในโลกนี้มีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติกี่แห่งกันที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี หนึ่งในนั้นคือ The National Palace Museum of Korea หรือ พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติเกาหลี ที่ใจกลางกรุงโซล

The National Palace Museum of Korea 3

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังคยองบก อยู่ทางตอนใต้ของประตู Heungnyemun ถ้าหันหน้าเข้าประตู พิพิธภัณฑ์จะอยู่ทางซ้ายมือ โดยจะมีรวบรวมศิลปวัตถุกว่า 40,000 ชิ้น ทั้งจากพระราชวังคยองบก พระราชวังชางถ็อก พระราชวังชางคยอง และศาสนาสถานชงมโย

นักท่องเที่ยวที่สนใจวัฒนธรรมเกาหลีสมัยราชวงศ์โชซอน หรือที่เราคุ้นตาจากละครจักรๆ วงศ์เกาหลี ชื่อดังทั้งหลาย ตั้งแต่แดจังกึม เป็นต้นมา สามารถมาดูข้าวของประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต เครื่องใช้ไม้สอย พาหนะ เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย และทรัพย์สมบัติอื่นๆ ของราชวงศ์โชซอนได้

The National Palace Museum of Korea 2

ในพิพิธภัณฑ์นั้นจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ตามนี้

โซน ชั้น B1: จะเป็นโซนแสดงภาพวาดของพระราชฐาน เครื่องดลตรี และเครื่องใช้ในพระราชพิธีต่างๆ รวมถึงศิลปะการจัดขบวนราชพิธี  ไฮไลท์จะอยู่ที่นาฬิกาน้ำที่เรียกว่า “Jagyeokru” ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกสมัยกษัตริย์เซจง (King Sejong) โดย Jang Yeongsil ที่ถือเป็นนาฬิกาแบบอัตโนมัติเรือนแรกของเกาหลี นอกจากนั้นยังมีสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ ที่จำลองมาจากของจริงสมัยโชซอนอีกด้วย

The National Palace Museum of Korea 6

โซน ชั้นที่ 1: จะแสดงเรื่องราวการประสูติและการศึกษาของเชื้อพระวงศ์ในพระราชวังหลวง รวมถึงมีของสะสมงานพระราชนิพนธ์และศิลปวัตถุของจักรวรรดิเกาหลีที่มีรถยนต์พระที่นั่งโบราณที่กษัตริย์ซุนจง (King Sunjong) และพระมเหสีเคยใช้ มีทั้งรถลิมูซีน Cadillace ปี ค.ศ. 1918 และ รถยนต์โบราณจากปี ค.ศ. 1914 ซึ่งถือเป็นคอเลกชั่นที่สวยงามและหาดูได้ยาก ใครรักรถเก่าไม่ควรพลาดโซนนี้เด็ดขาด

The National Palace Museum of Korea 7

โซน ชั้นที่ 2: โซนนี้จะเป็นโซนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะจะแสดงวิถีชาววัง สัญลักษณ์ของราชวงศ์ ประวัติศาสตร์ ชีวิตในราชสำนัก พระราชพิธี พิธีกรรมต่างๆ สถาปัตยกรรม วิทยาศาสตร์ เครื่องแต่งกายของราชวงศ์ เครื่องประดับที่ใช้ในชีวิตประจำวันของราชวงศ์โชซอน

The National Palace Museum of Korea 4

ที่อยู่: 161 Sajik-ro (1-57 Sejongno), Jongno-gu, Seoul

วิธีเดินทาง: Gyeongbokgung MRT Station (สาย 3) ทางออก 5 แล้วเดินต่ออีก 2 นาที

หรือ Gwanghwamun MRT Station (สาย 5) ทางออก 2 แล้วเดินต่ออีก 5 นาที

The National Palace Museum of Korea 5

เวลาเปิดปิด: วันอังคาร – วันศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00น. / วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 0.99 -19.00น. (ปิดทุกวันจันทร์)

เข้าชมฟรี

บริการไกด์ทัวร์ภาษาอังกฤษ เวลา 11.00น. และ 14.30น. ติดต่อบริการทัวร์ที่ Information Desk ที่ชั้น 2

Website: www.gogung.go.kr